Popular Post

Archive for 2016

แฟนพันธุ์แท้ เทพเจ้ากรีกโรมัน

By : Unknown


เราไม่ให้พวกคุณอ่านอย่างเดียวแน่นอน เรายังมีรายการแฟนพันธ์ุแท้มาให้ดูกันอีกด้วย โอ้โห!!

ใครจะอยู่ใครจะไป โปรดติดตาม




ที่มาhttps://www.youtube.com/watch?v=bpULAs9HxPk


ดิมีเทอร์ Demeter

By : Unknown
ดิมีเทอร์ Demeter



ในศาสนาและตำนานกรีกโบราณ ดิมีเทอร์ (อังกฤษDemeter/dɨˈmiːtɚ/กรีกΔημήτηρ) เป็นเทพเจ้าแห่งการเก็บเกี่ยว ผู้ดูแลธัญพืชและความอุดมสมบูรณ์ของปฐพี ชื่อลัทธิบูชาของพระนางรวมถึงซิโต (Σιτώ) "สตรีแห่งธัญพืช" ในฐานะผู้ประทานอาหารหรือธัญพืช และเธสมอฟอรอส(θεσμός "thesmos": ระเบียบสวรรค์, กฎหมายไม่เป็นลายลักษณ์อักษร; "phoros": ผู้ให้, ผู้ถือ) "ผู้ประทานกฎหมาย" โดยเป็นเครื่องหมายการดำรงอยู่ของสังคมเกษตรกรรมอารยะ

เฮดีส Hades

By : Unknown
เฮดีส Hades

เฮดีส (อังกฤษHades/ˈheɪdiz/กรีกโบราณἍιδης/ᾍδης, Hāidēs) เป็นพระเจ้าแห่งโลกบาดาลของกรีกโบราณ สุดท้าย พระนามเฮดีสได้กลายมาเป็นชื่อเรียกถิ่นของผู้ตาย ในเทพปกรณัมกรีก เฮดีสเป็นพระโอรสองค์โตของโครนัสและเรีย หากพิจารณาจากลำดับที่ประสูติจากพระชนนี หรือองค์เล็กหากพิจารณาเมื่อพระชนกขย้อนออกมา มุมมองอย่างหลังนี้มีรับรองในสุนทรพจน์ของโพไซดอนในอีเลียด ตามตำนาน พระองค์กับพระอนุชาซูสและโพไซดอน พิชิตเทพไททันและอ้างการปกครองจักรวาล แบ่งกันปกครองโลกบาดาล อากาศและทะเลตามลำดับ ปฐพีซึ่งเป็นอาณาเขตแห่งไกอามาแต่ช้านาน เป็นของทั้งสามพร้อมกัน
ต่อมา ชาวกรีกเริ่มเรียกเฮดีสว่า พลูตอน ซึ่งชาวโรมันแผลงเป็นละตินว่า พลูโต ชาวโรมันโยงเฮดีส/พลูโตเข้ากับพระเจ้าคะเธาะนิคของพวกตน ดิสปาเตอร์ (Dis Pater) และออร์คัส พระเจ้าอีทรัสคันที่สอดคล้อง คือ ไอตา (Aita) มักวาดภาพพระองค์กับหมาสามหัว เซอร์เบอรัส ในประเพณีปรัมปราวิทยาสมัยหลัง แม้ไม่ใช่สมัยโบราณ พระองค์สัมผัสกับหมวกเกราะแห่งความมืดและสองง่าม คำว่า เฮดีส ในเทววิทยาคริสต์ (และพันธสัญญาใหม่ภาษากรีก) เปรียบได้กับชีโอ (sheol, שאול) ในภาษาฮีบรู ซึ่งหมายถึง ถิ่นพำนักของผู้ตาย มโนทัศน์นรกของศาสนาคริสต์คล้ายและได้รับมาจากมโนทัศน์ทาร์ทารัสของกรีก ซึ่งเป็นส่วนที่ลึกและมืดมิดซึ่งเฮดิสใช้เป็นคุกลงทัณฑ์และทรมาน

ในวัฒนธรรมสมัยนิยม

เฮดีส ในวัฒนธรรมสมัยนิยมมักถูกสร้างให้เป็นตัวละครฝ่ายร้าย เช่น การ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง เซนต์เซย่า เฮดีสเป็นเทพเจ้าที่หวังยึดครองโลกมาแต่ครั้งเทพนิยาย ภาคสุดท้ายของการ์ตูนชุดนี้เป็นเรื่องของเหล่าเซนต์ต่อสู้กับเหล่าสเป็คเตอร์ของเฮดีส เฮดีสมีรูปร่างที่งดงามและหลงใหลรูปตัวเองมาก จึงซ่อนร่างที่แท้จริงไว้ในปราสาทที่เอเริเซี่ยน จึงอาศัยอันโดรเมด้า ชุนเป็นร่างสิงสถิตย์แทน
หรือ ภาพยนตร์การ์ตูนของวอลต์ ดิสนีย์ เรื่อง Hercules ในปี พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) เฮดีสก็เป็นตัวโกงในเรื่องด้วย
ในวิดีโอเกมเพอร์โซนา 2 ในชุดเมกามิเทนเซย์ เฮดีสเป็นเพอร์โซนาของเอคิจิ มิชินะ โดยมีลักษณะเป็นชายคลุมหน้าและมีโล่ที่เป็นหัวกะโหลก เฮดีส

เฮสเตีย Hestia

By : Unknown
เฮสเตีย Hestia

ในศาสนากรีกโบราณ เฮสเตีย (อังกฤษHestiaกรีกโบราณἙστία, "เตาอิฐ" หรือ "บริเวณข้างเตาไฟ") ทรงเป็นเทพเจ้าพรหมจรรย์แห่งเตาอิฐสถาปัตยกรรมกรีกโบราณ และการจัดระเบียบกิจกรรมในบ้าน ครอบครัวและรัฐที่ถูกต้อง ในเทพปกรณัมกรีก พระนางเป็นธิดาของโครนัสและเรีย
เฮสเตียทรงได้รับของบูชาที่ทุกการบวงสรวงในครัวเรือน ในที่สาธารณะ เตาอิฐของพริทเนียม (prytaneum) เป็นเสมือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างเป็นทางการของพระนาง เมื่อมีการก่อตั้งอาณานิคมใหม่ เพลิงจากเตาอิฐสาธารณะของเฮสเตียในนครแม่จะถูกนำไปยังนิคมใหม่ด้วย พระนางประทับนั่งบนบัลลังก์ไม้เรียบ ๆ โดยมีเบาะขนแกะสีขาว และไม่ทรงเลือกสัญลักษณ์ประจำพระองค์ ภาคโรมันของพระนาง คือ เวสตา
เฮสเตียทรงเป็นเทพเจ้าโอลิมปัสรุ่นแรก ร่วมกับดีมิเทอร์และฮีรา พระนางเป็นธิดาแห่งไททันโครนัสและเรีย พระเชษฐภคินีแห่งเฮดีส ดีมิเทอร์ โพไซดอน ฮีราและซูส โครนัสกลืนบุตรธิดาของตนทั้งหมดทันทีหลังคลอด ยกเว้นซูสบุตรคนสุดท้อง ต่อมาซูสบังคับให้โครนัสคายพี่น้องของพระองค์และทรงนำในสงครามกับบิดาและไททันอื่น เฮสเตียทรงเป็น "พระองค์แรกที่ถูกกลืนกิน... และพระองค์สุดท้ายที่ถูกขับออกอีกครั้ง" พระองค์จึงเป็นทั้งธิดาพระองค์แรกและพระองค์สุดท้าย การผกผันตำนานนี้พบในเพลงสวดสรรเสริญแอโฟรไดทีของกวีโฮเมอร์ (700 ปีก่อน ค.ศ.) เฮสเตียทรงปฏิเสธการเกี้ยวพาราสีของโพไซดอนและอพอลโล และทรงสาบานพระองค์เป็นพรหมจรรย์ตลอดกาล ซูสทรงบัญชาให้เฮสเตียทำหน้าที่เลี้ยงและรักษาไฟในเตาไฟโอลิมปัสด้วยส่วนที่ติดมันและติดไฟได้ของสัตว์ที่บูชาแด่พระเจ้า
สถานภาพเทพเจ้าโอลิมปัสของเฮสเตียนั้นกำกวม Kenneth Dorter บันทึกว่า ในเอเธนส์ ใน "ชีวิตของเพลโต" "มีข้อแตกต่างกันในรายพระนามพระเจ้าหลักสิบสองพระองค์ว่าจะรวมเฮสเตียหรือไดอะไนซัสเข้ากับอีกสิบเอ็ดพระองค์ที่เหลือ ตัวอย่างเช่น แท่นบูชาพระเจ้าที่อโกรา มีแท่นบูชาของเฮสเตีย แต่ที่แถบลายตกแต่งตะวันออกของวิหารพาร์เธนอนกลับมีแท่นบูชาของไดอะไนซัส" บางครั้งถือกันว่าการละเว้นเฮสเตียออกจากรายพระนามเทวสภาโอลิมปัสเป็นนิทัศน์ของธรรมชาติไม่โต้ตอบและไม่เผชิญหน้าของพระนาง โดยทรงยกบัลลังก์โอลิมปัสให้แก่ไดอะไนซัสเพื่อป้องกันความขัดแย้งบนสวรรค์ เฮสเตียเป็นที่รู้จักกันในความเมตตา แต่ไม่มีแหล่งข้อมูลหรือตำนานโบราณอธิบายการยอมจำนนหรือการถอนพระองค์นี้ Burkert ให้ข้อคิดเห็นว่า "เนื่องจากเตาอิฐไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ เฮสเตียจึงไม่อาจมีส่วนแม้ในกระบวนการแห่งพระเจ้า โดยทรงปล่อยการเล่นตลกอื่นของเทพเจ้าโอลิมปัสไว้" สถานภาพทางเทพปกรณัมของพระองค์ที่เป็นธิดาหัวปีของเรียและโครนัสเหมือนจะอธิบายประเพณีที่ว่าของบูชาเล็กน้อยส่วนหนึ่งถวายแด่เฮสเตียก่อนการบูชาอื่นทั้งหมด ("เฮสเตียทรงมาก่อน")
ความกำกวมในเทพปกรณัมของเฮสเตียตรงกับลักษณะประจำ บุคลิกและการบรรยายที่คลุมเครือของพระองค์ พระนางทรงถูกระบุด้วยเตาอิฐซึ่งเป็นวัตถุรูปธรรม และภาวะนามธรรมของชุมชนและกิจกรรมในบ้าน แต่ภาพของพระนางนั้นหายากและไม่ค่อยปลอดภัย ในศิลปะกรีกคลาสสิก บางครั้งมีผู้วาดพระนางเป็นสตรี มีผ้าคลุมศีรษะอย่างเรียบง่ายและถ่อมพระองค์ บางครั้งแสดงภาพพระนางมีไม้เท้าในพระหัตถ์หรือประทับอยู่ข้างกองไฟขนาดใหญ่

โพไซดอน Poseidon

By : Unknown
โพไซดอน Poseidon

โพไซดอน (อังกฤษPoseidonเสียงอ่าน: /poʊˈsaɪdᵊn, pəˈsaɪdᵊn,/กรีกΠοσειδών[pose͜edɔ́͜ɔn]) เป็นหนึ่งในสิบสองเทพเจ้าโอลิมปัสในเทพปกรณัมกรีก พระราชอาณาเขตหลักคือมหาสมุทร และพระองค์ทรงได้รับขนานพระนามว่า "สมุทรเทพ" นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงได้รับขนานพระนามว่า "ผู้เขย่าโลก" (Earth-Shaker) เนื่องจากบทบาทของพระองค์ในการก่อแผ่นดินไหว และ "ผู้กำราบม้า" (tamer of horses) พระองค์มักทรงถูกพรรณาเป็นบุรุษสูงวัย มีพระเกษาหยิกและพระมัสสุ (หนวด)
แผ่นจารึกอักษรไลเนียร์บีแสดงว่า ที่ไพลอสและธีบส์กรีซยุคสำริดก่อนมีเทพเจ้าโอลิมปัสมีการบูชาโพไซดอนเป็นพระเจ้าหลัก แต่ภายหลังมีการรวมพระองค์เข้าเป็นพระเจ้าโอลิมปัสเป็นพระเชษฐาของซูสและเฮดีส ตำนานพื้นบ้านบางตำนานเล่าว่า เรีย พระมารดาของพระองค์ ช่วยพระองค์ไว้โดยซ่อนพระองค์ไว้กับฝูงแกะแล้วแสร้งทำเป็นว่าให้กำเนิดลูกลาออกมา เพื่อมิให้ถูกโครนัสกลืนกิน
มีเพลงสวดสรรเสริญแด่โพไซดอนของโฮเมอร์ โพไซดอนทรงเป็นผู้พิทักษ์นครเฮเลนหลายนคร แม้พระองค์จะแพ้การประกวดเพื่อชิงกรุงเอเธนส์แก่อะธีนา ตามอ้างอิงจากเพลโตในบทสนทนา Timaeus และ Critias เกาะแอตแลนติสเป็นพระราชอาณาเขตที่โพไซดอนทรงเลือก

ฮิฟิสตัส Hephaestus

By : Unknown
ฮิฟิสตัส Hephaestus

ฮิฟีสตัส (อังกฤษHephaestusเสียงอ่าน: /hɪˈfiːstəs/) เป็นเทพเจ้าแห่งช่างตีเหล็ก (blacksmith) ช่างฝีมือ ช่างศิลป์ ประติมากร โลหะ โลหะวิทยา (metallurgy) ไฟและภูเขาไฟ ภาคโรมัน คือ วัลแคน ในเทพปกรณัมกรีก ฮีฟีสตัสเป็นพระโอรสของซูสและฮีรา หรือเฉพาะฮีรา
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าช่างตีเหล็ก ทรงประดิษฐ์อาวุธทั้งหมดของพระเจ้าบนโอลิมปัส พระองค์เป็นช่างตีเหล็กของพระเจ้า และทรงได้รับการบูชาในศูนย์การผลิตและอุตสาหกรรมของกรีซ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรุงเอเธนส์ ลัทธิบูชาฮีฟีสตัสมีศูนย์กลางในเลมนอส สัญลักษณ์ของฮีฟีสตัสมีค้อน ทั่งและคีมคู่ของช่างตีเหล็ก

แอรีส Ares

By : Unknown
แอรีส Ares

แอรีส (อังกฤษAres /ˈɛəriz/กรีกโบราณἌρης) ทรงเป็นพระเจ้าแห่งสงครามของกรีก ทรงเป็นหนึ่งในสิบสองพระเจ้าโอลิมปัส และพระโอรสของซูสและฮีรา ในวรรณกรรมกรีก พระองค์มักเป็นสัญลักษณ์ของแง่มุมกายภาพหรือความรุนแรงและไม่สงบของสงคราม ขัดกับอะธีนา ผู้ทรงเป็นเทพเจ้าแห่งปัญญา รวมทั้งยุทธศาสตร์การทหารและตำแหน่งอำนาจแม่ทัพ
ชาวกรีกมีความรู้สึกไม่ชัดเจนต่อแอรีส แม้พระองค์จะทรงมีความกล้าทางกายซึ่งจำเป็นต่อความสำเร็จในสงคราม พระองค์เป็นพลังที่อันตราย "ท่วมท้น ละโมบในการยุทธ์ ทำลายล้างและฆ่าคน" ความกลัว (โฟบอส) และความสยองขวัญ (ไดมอส) พระโอรส และความแตกสามัคคี (เอนีโอ) คนรักและพระกนิษฐภคินี เดินทางไปกับพระองค์ด้วยบนรถม้าศึก ในอีเลียด ซูสพระบิดาตรัสแก่แอรีสว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่ซูสเกลียดที่สุด สถานที่หรือวัตถุที่สัมพันธ์กับแอรีสทำให้สถานที่หรือวัตถุนั้นมีคุณภาพโหดร้าย อันตรายหรือเป็นทหาร คุณค่าของพระองค์ในฐานะพระเจ้าแห่งสงครามกลายเป็นที่กังขา เพราะในสงครามกรุงทรอย แอรีสทรงอยู่ข้างที่ปราชัย ขณะที่อะธีนา ซึ่งมักพรรณนาในศิลปะกรีกโดยถือชัยชนะ (ไนกี) อยู่ในพระหัตถ์ อยู่ฝ่ายกรีกผู้ชนะ

อะธีน่า Athena

By : Unknown
อะธีน่า Athena

ในศาสนาและเทพปกรณัมกรีก อะธีนา (อังกฤษAthenaเสียงอ่านภาษาอังกฤษ: /əˈθinə/) หรือ อะธีนี (อังกฤษAthene) หรือ แพลลัสอธีนา/อะธีนี (อังกฤษPallas Athena/Atheneเสียงอ่านภาษาอังกฤษ: /ˈpæləs/) เป็นเทพเจ้าพรหมจรรย์แห่งปัญญา ความกล้า แรงบันดาลใจ อารยธรรม กฎหมายและความยุติธรรม การสงครามโดยชอบ คณิตศาสตร์ ความแข็งแกร่ง ยุทธศาสตร์ ศิลปะ งานฝีมือและทักษะ ภาคโรมัน คือ มิเนอร์วา
มีการพรรณนาอะธีนาว่าทรงเป็นพระสหายร่วมทางผู้เฉลียวฉลาดของวีรบุรุษและเทพเจ้าอุปถัมภ์การผจญภัยของวีรบุรุษ พระนางทรงเป็นเทพเจ้าพรหมจรรย์ผู้อุปถัมภ์กรุงเอเธนส์ ชาวเอเธนส์ตั้งวิหารพาร์เธนอนบนอะโครโพลิสในกรุงเอเธนส์ (อะธีนาพาร์ธีนอส) เพื่อถวายเกียรติแด่พระนาง

ปรัมปราวิทยา

กำเนิด

แม้อะธีนาปรากฏที่คนอสซัสในอักษรไลเนียร์บีในพระเจ้าโอลิมปัสคลาสสิกก่อนหน้าซูส ภายหลังมีการสร้างใหม่ให้พระนางทรงเป็นพระธิดาองค์โปรดของซูส ซึ่งประสูติพร้อมอาวุธเต็มยศจากพระนลาฏ (หน้าผาก) นิยายกำเนิดของพระนางมีหลายฉบับ ฉบับหนึ่งที่มีการอ้างมากที่สุดเล่าวว่า ซูสหลับนอนกับมีทิส เทพีแห่งความคิดและภูมิปัญญาช่าง แต่พระองค์ทรงกลัวผลลัพธ์ในทันที มีการทำนายก่อนหน้านั้นว่ามีทิสจะประสูติบุตรที่ทรงพลังยิ่งกว่าบิดา แม้แต่ซูสเอง เพื่อป้องกันผลลัพธ์อันตรายนี้ หลังทรงโกหกมีทิสแล้ว ซูส "ฆ่าพระนางในพระอุทรของพระองค์เอง" พระองค์ "ทรงกลืนพระนางไปในทันที" ทว่า พระองค์ช้าเกินไป เพราะมีทิสตั้งครรภ์แล้ว
ในที่สุด ซูสทรงปวดพระเศียรอย่างหนัก โพรมีเทียส ฮิฟีสตัส เฮอร์มีส แอรีสหรือพาเลมอน (แล้วแต่แหล่งข้อมูลที่พิจารณา) ผ่าเศียรของซูสด้วยขวานไมนวนสองหัว แล้วอะธีนาก็ทรงโจนออกจากเศียรของซูส โตเต็มที่และมีอาวุธ

นายหญิงแห่งเอเธนส์

ตามตำนานกรีกเล่าว่า ที่มาของชื่อเมืองเอเธนส์ (Athens) นั้น มาจากการที่ชาวกรีกจะตั้งชื่อเมืองแต่ไม่รู้จะใช้ชื่ออะไร โพไซดอน เทพแห่งมหาสมุทร ผู้มีศักดิ์เป็นลุงของอะธีนา ใช้ตรีศูลอาวุธของตนสร้างม้าขึ้นมา (บ้างก็ว่าสร้างน้ำพุขึ้น) ชาวเมืองต่างพากันชื่นชมม้าเป็นอันมาก แต่เทพีอะธีนาได้เนรมิตต้นมะกอกขึ้นมา ซึ่งสามารถใช้ผลเป็นประโยชน์ได้ นอกจากนี้ มะกอก ยังเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ ในขณะที่ม้าเป็นสัญลักษณ์ของสงคราม ชาวเมืองจึงตกลงใช้ชื่อเมืองว่า เอเธนส์ ตามชื่อของพระนาง และมะกอกก็กลายเป็นผลไม้เศรษฐกิจสำคัญอันดับหนึ่งของกรีซมาจนปัจจุบัน
อาจกล่าวได้ว่า อะธีนา เป็นเทพที่ชาวกรีกให้ความนับถือมากที่สุดก็ว่าได้ ในสมัยโบราณมีการสร้างมหาวิหารเพื่อถวายแด่พระนาง คือ วิหารพาเธนอน ซึ่งตั้งอยู่ที่เนินอะโครโปลิส ที่กรุงเอเธนส์ในปัจจุบัน ในการท่องเที่ยวของกรีซ จะพบรูปปั้นขนาดเล็กของอะธีนาขายเป็นที่ระลึกอยู่ทั่วไป

อาร์ทิมิส Artemis

By : Unknown
อาร์ทิมิส Artemis

อาร์ทิมิส (อังกฤษArtemisเสียงอ่านภาษาอังกฤษ: /ˈɑːtɪmɪs, ˈɑːrt̬əmɪs/กรีกโบราณἌρτεμις) เป็นหนึ่งในพระเจ้ากรีกโบราณที่มีการบูชากว้างขวางที่สุด ภาคโรมัน คือ ไดแอนา นักวิชาการเชื่อว่าทั้งพระนาม รวมทั้งองค์เทพเจ้าเอง เดิมมีมาแต่ก่อนสมัยกรีก ชาวอาร์คาเดียเชื่อว่าพระนางทรงเป็นพระธิดาของดิมีเทอร์
ในเทพปกรณัมกรีกสมัยคลาสสิก มักอธิบายว่าอาร์ทิมิสทรงเป็นพระธิดาของซูสและลีโต และทรงเป็นพี่สาวฝาแฝดของอะพอลโล พระองค์เป็นพระเจ้าแห่งการล่า สัตว์ป่า ป่าเถื่อน (wilderness) การคลอด พรหมจรรย์และผู้พิทักษ์หญิงสาว ผู้นำพามาซึ่งและผู้บรรเทาโรคในหญิง มักพรรณนาพระนางเป็นพรานหญิงถือธนูและลูกศร กวางและต้นไซปรัสเป็นสัตว์และพืชศักดิ์สิทธิ์ของพระนาง

เทพปกรณัม

วัยเด็ก

วัยเด็กของอาร์ทิมิสไม่สัมพันธ์กันอย่างสมบูรณ์ในเรื่องปรัมปราใด ๆ ที่เหลือรอด อีเลียดลดบุคลิกของเทพเจ้าผู้น่ากลัวลงเป็นบุคลิกของเด็กหญิงซึ่งร้องไห้และปีนพระเพลา (ตัก) ของซูส หลังถูกฮีราโบย โคลงของแคลิมะคัส (Callimachus) ว่าด้วยเทพเจ้า "ผู้ทำให้พระองค์เองสนุกบนภูเขาด้วยการยิงธนู" จินตนาการบรรณพิลาส (vignette) ที่มีเสน่ห์บางอย่าง ตามแคลิมะคัส อาร์ทิมิสขณะมีพระชนมายุได้สามพรรษา ทูลขอให้ซูสประทานพรพระนางหกข้อ ได้แก่ ให้พระนางครองพรหมจรรย์ตลอดกาล, ให้พระนางมีหลายนามเพื่อแยกกับพระอนุชา อะพอลโล, ให้ทรงเป็นผู้นำมาซึ่งแสงสว่าง, ขอธนูและลูกธนู กับฉลองพระองค์คลุมรัดเอวเสมอพระชานุ (เข่า) เพื่อที่พระนางจะได้ล่าสัตว์, ขอ "ธิดาแห่งโอเซียเนิส" หกสิบตน ซึ่งทุกตนอายุได้ 9 ปี เพื่อเป็นนักร้องประสานเสียงของพระนาง, และขอนิมฟ์แอมนิซิเดส (Amnisides) ยี่สิบตนเป็นสาวใช้คอยเฝ้าหมาและธนูของพระนางระหว่างที่ทรงพักผ่อน พระนางไม่ประสงค์ให้มีนครใดอุทิศแด่พระนาง แต่ประสงค์ปกครองภูเขา และความสามารถช่วยหญิงในความเจ็บปวดแห่งการคลอด
อาร์ทิมิสทรงเชื่อว่าพระนางถูกมอยเร (โชคชะตา) เลือกให้เป็นนางผดุงครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพราะพระนางช่วยพระชนนีคลอดพระอนุชาฝาแฝด อะพอลโล พระสหายของพระนางล้วนครองพรหมจรรย์ และอาร์ทิมิสทรงระวังพรหมจรรย์ของพระนางเองอย่างใกล้ชิด สัญลักษณ์ของพระนางมีธนูและลูกศรสีทอง หมาล่าเนื้อ กวาง และดวงจันทร์ แคลิมะคัส เล่าว่าอาร์ทิมิสทรงใช้วัยเยาว์แสวงสิ่งที่พระนางจำเป็นต้องมีเพื่อเป็นพรานหญิงอย่างไร พระนางได้ธนูและลูกศรมาจากเกาะลิพารา (Lipara) ที่ซึ่งฮิฟีสตัสและไซคลอปส์ทำงานได้อย่างไร
ธิดาของโอเซียเนิสเปี่ยมไปด้วยความกลัว แต่อาร์ทิมิสในวัยเยาว์เข้าหาอย่างกล้าหาญและขอธนูและลูกธนู แคลิมะคัสเล่าต่อว่าอาร์ทิมิสพบแพน พระเจ้าแห่งป่าซึ่งให้หมาตัวเมียเจ็ดตัวและหมาตัวผู้หกตัว ได้อย่างไร จากนั้น พระนางจับกวางเขาทองเพื่อลากรถเทียมของพระนาง อาร์ทิมิสฝึกธนูโดยยิงต้นไม้ก่อนแล้วจึงยิงสัตว์ป่า

โอไรออน

อาร์ทิมิสเป็นที่สนใจของพระเจ้าและชายทั้งหลาย แต่มีเพียงพระสหายล่าสัตว์ โอไรออน ที่พิชิตพระพฤทัยของพระนางได้ บางฉบับเล่าว่า เขาถูกอาร์ทิมิสฆ่า บ้างก็เล่าว่าเขาถูกแมงป่องที่ไกอาส่งมาฆ่า ในบางฉบับ โอไรออนพยายามล่อลวงโอพิส (Opis) ผู้ติดตามตนหนึ่งของพระนาง พระนางจึงฆ่าเขา บางฉบับของอะเรทัส (Aratus) โอไรออนฉวยฉลองพระองค์คลุมของอาร์ทิมิส และพระนางฆ่าเขาเป็นการป้องกันพระองค์
อีกฉบับหนึ่ง อะพอลโลเป็นผู้ส่งแมงป่องมา ตามฮิไจนัส (Hyginus) อาร์ทิมิสเคยรักโอไรออน (ฉบับนี้ดูเหมือนเป็นส่วนที่เหลือหายากของพระนางที่เป็นเทพเจ้าก่อนโอลิมปัส ซึ่งมีคู่ครอง ดังเช่น อีออส ซึ่งขัดกับแหล่งข้อมูลภายหลัง) แต่ถูกอะพอลโลลวงให้ฆ่าเขา ซึ่ง "ปกป้อง" พรหมจรรย์ของพระเชษฐภคินี

ลักษณะ

อาร์ทิมิสมีรูปลักษณ์เป็นหญิงสาวผมสั้น หน้าตางดงาม อยู่ในชุดล่าสัตว์ทะมัดทแมงกระโปงสั้น ชุดมักมีสีน้ำเงิน ในมือถือคันธนู

อะพอลโล Apollo

By : Unknown
อะพอลโล Apollo

อะพอลโล (อังกฤษApolloกรีกἈπόλλωνอะพอลลอนละตินApollō) เป็นหนึ่งในพระเจ้าองค์สำคัญที่สุดในพระเจ้าโอลิมปัสในเทพปกรณัมกรีกและศาสนากรีกโบราณ ตลอดจนเทพปกรณัมโรมันและศาสนาโรมันโบราณ อะพอลโลทรงเป็นอุดมคติของคูรอส (kouros) คือ หนุ่มนักกีฬาไม่ไว้หนวด และทรงได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นเทพเจ้าแห่งแสงและดวงอาทิตย์ สัจจะและคำพยากรณ์ การรักษา โรคระบาด ดนตรี กวี ฯลฯ อะพอลโลทรงเป็นพระโอรสของซูสและลีโต และมีพระเชษฐภคินีฝาแฝด คือ อาร์ทิมิสซึ่งเป็นพรานหญิง
ปัจจุบัน อะพอลโลเป็นชื่อที่ถูกตั้งตามอยู่บ่อยครั้ง โดยมีความหมายในทางที่เกี่ยวกับแสงสว่างหรือความสำเร็จ เช่น เป็นชื่อปฏิบัติการทางอวกาศของนาซาที่เรียกว่า โครงการอะพอลโล หรือเป็นชื่อสินค้าต่าง ๆ เช่น ยี่ห้อน้ำมันเครื่อง ยี่ห้อหรือชื่อรุ่นรถยนต์ ชื่อบริษัท เป็นต้น
อะพอลโลเป็นเทพเจ้าที่ถูกปั้นด้วยทองแดงยืนคร่อมอ่าวทะเลอีเจียน ที่เกาะโรดส์ ที่มีชื่อว่า มหารูปแห่งโรดส์ นับเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์โลกยุคโบราณด้วย โดยทั่วไปรูปปั้นอะพอลโลจะถือเครื่องดนตรีคล้ายพิณและมีลูกบอลทองคำที่เป็นสัญลักษณ์ของดวงอาทิตย์

เฮอร์มิส Hermes

By : Unknown
เฮอร์มิส Hermes

เฮอร์มีส (อังกฤษHermesกรีกἙρμῆς) เป็นพระเจ้าโอลิมปัสในศาสนาและเทพปกรณัมกรีก บุตรแห่งซูสและไลยาดีสเมอา พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าโอลิมปัสที่มีพระชนมายุน้อยที่สุดเป็นอันดับสอง
เฮอร์มีสทรงเป็นพระเจ้าแห่งการเปลี่ยนผ่านและเขตแดน พระองค์ทรงรวดเร็วและเจ้าเล่ห์ และสามารถเสด็จระหว่างโลกมนุษย์และพระเจ้าได้อย่างอิสระ ในฐานะทูตและผู้แจ้งข่าวแห่งพระเจ้า ผู้เจรจาระหว่างมนุษย์และพระเจ้า และผู้นำดวงวิญญาณสู่ปรโลก พระองค์ทรงเป็นผู้พิทักษ์และอุปถัมภ์นักเดินทาง คนเลี้ยงแกะ โจร นักพูดข้างถนนและคนมีปฏิภาณ วรรณกรรมและกวี นักกีฬาและกีฬา สิ่งประดิษฐ์และการค้า บางตำนานว่าพระองค์เป็นนักหลอกลวง และเอาชนะพระเจ้าองค์อื่นด้วยไหวพริบเพื่อความพอพระทัยส่วนพระองค์หรือเพราะทรงเห็นแก่มนุษยชาติ ลักษณะและสัญลักษณ์ประจำพระองค์มีประติมากรรมเฉพาะหัว ไก่เพศผู้และเต่าบก ถุงใส่เงิน รองเท้าแตะมีปีก หมวกมีปีก สัญลักษณ์หลักของพระองค์ คือ ไม้เท้าผู้แจ้งข่าว (กรีกkerykeionละตินcaduceus) ซึ่งเป็นไม้เท้ามีปีกที่มีงูพันสองตัว
พระองค์ทรงถูกระบุเป็นพระเจ้าเมอร์คิวรีของโรมัน ซึ่งแม้เป็นพระเจ้าที่รับมาจากพวกอีทรัสคัน แต่ได้รับคุณลักษณะคล้ายกับเฮอร์มีสมาหลายประการ เช่น ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์การค้า

ไดอะไนซัส Dionysus

By : Unknown
ไดอะไนซัส Dionysus

ไดอะไนซัส (อังกฤษDionysus, /daɪ.əˈnaɪsəs/กรีกโบราณΔιόνυσος, Dionysos) เป็นเทพเจ้าแห่งการเก็บเกี่ยวองุ่น การทำไวน์และไวน์ ความบ้าคลั่งทางพิธีกรรมและปีติศานติ์ในเทพปกรณัมกรีก พระนามของพระองค์ในแผ่นจารึกอักษรไลเนียร์บี แสดงว่าชาวกรีกไมซีเนียนอาจมีการบูชาพระองค์ตั้งแต่ประมาณ 1500–1100 ปีก่อน ค.ศ. ร่องรอยลัทธิประเภทไดอะไนเซียพบได้ในอารยธรรมไมนวนบนเกาะครีต จุดกำเนิดของพระองค์นั้นไม่แน่ชัด และลัทธิของพระองค์มีหลายรูปแบบ แหล่งข้อมูลโบราณบางแหล่งอธิบายว่าเป็นของชาวเทรซ บางแหล่งก็อธิบายว่าเป็นของชาวกรีก ในบางลัทธิ พระองค์มาจากทางตะวันออก โดยเป็นพระเจ้าเอเชีย ในลัทธิอื่น พระองค์มาจากเอธิโอเปียทางใต้ พระองค์เป็นเทพเจ้าแห่งการสำแดงอย่างเทพเจ้า (epiphany) และ "ความเป็นต่างประเทศ" ของพระองค์ที่เป็นพระเจ้าที่มาจากต่างแดนอาจสืบทอดและสำคัญต่อลัทธิของพระองค์ พระองค์เป็นพระเจ้าหลักและได้รับความนิยมในเทพปกรณัมและศาสนากรีก และรวมอยู่ในรายพระนามเทวสภาโอลิมปัสบ้าง ไดอะไนซัสเป็นพระเจ้าพระองค์สุดท้ายที่ได้รับการยอมรับเข้าสู่ยอดเขาโอลิมปัส พระองค์เป็นพระเจ้าองค์ที่มีพระชนมายุน้อยที่สุดและเป็นพระองค์เดียวที่ประสูติแก่มารดาที่เป็นมนุษย์ เทศกาลของพระองค์เป็นแรงผลักดันเบื้องหลังการพัฒนาการละครกรีก พระองค์เป็นตัวอย่างของพระเจ้าที่กำลังสวรรคต (dying god)
พระองค์มีอีกพระนามหนึ่งว่า แบคัส (อังกฤษBacchus/ˈbækəs/ หรือ /ˈbɑːkəs/กรีกΒάκχος, Bakkhos) ซึ่งเป็นพระนามที่ชาวโรมันรับไป ช่อกระจุกแยกแขนง (thyrsus) ของพระองค์บางครั้งมีเถาไม้เลื้อยพันและมีน้ำผึ้งไหลเป็นหยด ซึ่งเป็นไม้ถือที่มีประโยชน์ แต่ยังเป็นอาวุธได้ด้วย และสามารถใช้ทำลายผู้ที่ต่อต้านลัทธิของพระองค์และเสรีภาพซึ่งพระองค์เป็นตัวแทน พระองค์ยังทรงถูกเรียกว่า ผู้ปลดปล่อย (Liberator) ที่ปลดปล่อยส่วนลึกของตนเองโดยทำให้คลั่ง หรือให้มีความสุขอย่างล้นเหลือ หรือด้วยเหล้าองุ่น หน้าที่ของไดอะไนซัสคือเป็นผู้สร้างดนตรีออโลส(aulos) และยุติความกังวล นักวิชาการถกกันเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างไดอะไนซัสกับ “คตินิยมเกี่ยวกับวิญญาณ” และความสามารถในการติดต่อระหว่างผู้ยังมีชีวิตอยู่และผู้ที่ตายไปแล้ว

ฮีร่า Hera

By : Unknown
ฮีร่า Hera

ฮีรา หรือ เฮรา (อังกฤษHera /ˈhɪərə/, /ˈhɛrə/กรีกΉρα, Ήρη) เป็นมเหสีและเชษฐภคินี (พี่สาว) ของซูสในพระเจ้าโอลิมปัสของเทพปกรณัมและศาสนากรีก เป็นธิดาของโครนัสและเรีย หน้าที่หลักของพระนางคือเป็นเทพเจ้าแห่งสตรีและการสมรส ภาคโรมัน คือ จูโน พิจารณาว่าวัวสิงโตและนกยูงเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ประจำพระองค์
ฮีราเป็นที่รู้จักจากธรรมชาติอิจฉาและพยาบาทของพระนาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อชายาองค์อื่น ๆ ของซูส และบุตรที่เกิดจากชายาเหล่านั้น ไม่ว่าพวกนางเป็นเทพเจ้าหรือมนุษย์ก็ตาม ตัวอย่างของผู้ที่ถูกฮีราปองร้ายมีมากมาย เช่น ลีโต มารดาของเทพอพอลโลและเทพีอาร์ทิมิส เฮราคลีส ไอโอ ลามิอา เกรานา ซิมิลี มารดาของเทพไดอะไนซัส ยูโรปา เป็นต้น ก็จะเจอจุดจบแบบไม่สวยงาม
ในมหากาพย์อีเลียด ของ โฮเมอร์ ได้กล่าวถึงพระนางว่า เทพีตาวัว (ox-eyed goddess) ซึ่งแสดงถึงสัตว์ประจำตัวของฮีรานั่นเอง

กำเนิดของฮีรา

ฮีราเป็นบุตรองค์ที่ 3 ของโครนัสและเรีย พระนางถูกโครนัสกลืนลงท้องไปตั้งแต่เพิ่งถือกำเนิดเนื่องจากคำสาปของไกอาที่ว่าบุตรของโครนัสจะโค่นอำนาจของโครนัสเหมือนกับที่โครนัสได้โค่นอำนาจของยูเรนัส แต่ต่อมาเทพีเรียได้ซ่อนซูสผู้เป็นบุตรองค์สุดท้องไว้และนำซีอุสกลับมาเพื่อแก้แค้นโครนัส และนำพี่ ๆ ที่ถูกกลืนเข้าไปอยู่ในท้องของโครนัสออกมา เทพีฮีราจึงปรากฏกายขึ้น
เชื่อกันว่าเทพีฮีราถูกเลี้ยงดูมาโดยไททันทีธิส และมหากาพย์อิเลียด ในครั้งที่ฝ่ายทรอยกำลังได้เปรียบเพราะซูสได้หนีจากเขาโอลิมปัสไปยังเขาไอดาเพื่อให้การช่วยเหลือชาวทรอย ฮีราได้อ้างว่าจะไปพบกับเทพีทีธิส เพื่อจะได้ขอยืมเครื่องแต่งกายที่สวยที่สุดจากอะธีน่าและสร้อยคอแห่งความปรารถนาจากอะโฟรไดท์ไปใช้ในการล่อลวงให้ซูสหันเหความสนใจจากสงครามแห่งทรอย เปิดทางให้โพไซดอนได้นำกำลังไปถล่มชายฝั่งทรอย

ฮีราและซูส

บางตำนานได้กล่าวว่าเมื่อเหล่าเทพโอลิมเปียนได้เอาชนะโครนัสและย้ายขึ้นมาสร้างวิมานบนเทือกเขาโอลิมปัสแล้ว ซูสก็ได้เสาะหาหญิงงามผู้คู่ควรกับตำแหน่งราชินีแห่งเทพทั้งมวล และในที่สุดพระองค์ก็ตัดสินใจเลือกเทพีฮีรา พระเชษฐ์ภคินีของตนเอง
ฮีราไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้ และขังตนเองอยู่ในวิหารเพื่อหนีการสมรสกับมหาเทพแห่งโอลิมปัส ซูสจึงปลอมตัวเป็นนกเขาบาดเจ็บบินเข้าไปซบอุระของฮีรา และแน่นอนว่าเทพีผู้อ่อนหวานจะต้องนำนกตัวนั้นเข้าไปพยาบาลในวิหารแน่นอน เมื่อทั้งคู่เข้าไปในวิหารของฮีราแล้ว ซูสก็กลับร่างเป็นมหาเทพและรวบรัดฮีราเป็นราชินีของพระองค์

บุตรของฮีรา

ฮีรามีบุตรทั้งหมด ดังนี้
  1. ฮีบี (Hebe) เทพธิดาแห่งความเยาว์วัย ได้รับหน้าที่ ให้ถือถ้วยของเทพเจ้า จนถูกปลด ให้เจ้าชาย แกนิมีดทำแทน เนื่องจากนาง แสดงความหยาบคาย ในงานที่จัดขึ้น ที่โอลิมปุสงานหนึ่ง
  2. อิลิธียา (Eileithyia) ในตำนานโรมัน ซึ่งเป็นเทพีแห่งการให้กำเนิดทารก
  3. แอรีส (Ares) เทพเจ้าแห่งสงคราม
  4. อีริส (Eris) เทพธิดาแห่งการวิวาทบาดหมาง ฝาแฝดของแอรีส
  5. ฮิฟีสตัส (Hephaestus) เทพแห่งการช่าง
บางตำนานกล่าวว่าฮีราอิจฉาที่ซูสสามารถให้กำเนิดบุตรด้วยตนเองได้ นั่นคืออะธีนา นางจึงสร้างฮิฟีสตัส ขึ้นมาด้วยตนเอง โดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากซูส แต่เมื่อฮิฟีสตัสถือกำเนิดขึ้นนางก็โยนบุตรชายลงจากยอดเขาโอลิมปัสเนื่องจากรังเกียจรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์ของฮิฟีสตัส ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ฮิฟีสตัสกลายเป็นเทพที่มีขาพิการ
ภายหลังฮิฟีสตัสแก้แค้นพระมารดาด้วยการสร้างบัลลังก์ทองที่แสนสวยงามให้ฮีรา แต่เมื่อนางนั่งลงบนบัลลังก์ทองนั้นแล้วกลับลุกขึ้นมาไม่ได้อีกเลย
เทพโอลิมปัสร่วมกันอ้อนวอนให้ฮิฟีสตัสกลับขึ้นมาอยู่บนเทือกเขาโอลิมปัสและให้อภัยพระมารดา แต่ฮิฟีสตัสไม่ยอม ในที่สุดเหล่าเทพจึงส่งเทพไดอะไนซัส เทพแห่งเหล้าองุ่น ให้มอมเหล้าฮิฟีสตัสและนำเขาขึ้นมายังยอดเขาโอลิมปัส ทำให้คำสาปเรื่องบัลลังก์ทองเสื่อมไป เทพีฮีราจึงได้ลุกขึ้นจากบัลลังก์อีกครั้ง

ซูส Zeus

By : Unknown
ซูส Zeus

ซูส (อังกฤษZeusเสียงอ่านภาษาอังกฤษ: /zus/กรีกโบราณΖεύς, Zeús) ทรงเป็น "พระบิดาแห่งพระเจ้าและมนุษย์" (กรีกโบราณπατὴρ ἀνδρῶν τε θεῶν τε, patḕr andrōn te theōn te) ผู้ปกครองเทพเจ้าโอลิมปัสแห่งยอดเขาโอลิมปัสดังบิดาปกครองครอบครัวตามศาสนากรีกโบราณ พระองค์ทรงเป็นเทพเจ้าแห่งท้องฟ้าและสายฟ้าในเทพปกรณัมกรีก ซูสกับพระเจ้าจูปิเตอร์ของโรมันมาจากรากศัพท์เดียวกัน และกลายมามีความใกล้ชิดกันภายใต้อิทธิพลเฮเลนิสติก
ซูสเป็นบุตรของโครนัสและเรีย และมีพระชนมายุน้อยที่สุด ในประเพณีส่วนมาก พระองค์สมรสกับฮีรา ทว่าที่ผู้พยาการณ์ที่ดอโดนา คู่สมรสของพระองค์คือ ไดโอนี ตามที่ระบุในอีเลียด พระองค์ทรงเป็นพระบิดาของแอโฟรไดที โดยไดโอนีเป็นพระมารดา พระองค์ทรงเป็นที่รู้จักในเรื่องกาม ซึ่งส่งผลให้พระองค์มีพระโอรสธิดาที่เป็นพระเจ้าและวีรบุรุษมากมาย รวมทั้งอะธีนา อะพอลโลและอาร์ทิมิส เฮอร์มีส เพอร์เซฟะนี ไดอะไนซัส เพอร์ซิอัส เฮราคลีส เฮเลนแห่งทรอย มิวส์ แอรีส ฮีบีและฮิฟีสตัส

กำเนิดของซูส

ตำนานการถือกำเนิดของซูสมีว่า ไกอา มารดาแห่งผืนดิน ได้สมรสกับเทพยูเรนัสเทพแห่งท้องฟ้า และมีบุตรกลุ่มแรกคือ เหล่าเทพไททันซึ่งสร้างความภาคภูมิแก่เทพยูเรนัสมาก แต่ทว่าบุตรต่อๆมาของเทพีไกอากลับอัปลักษณ์และน่ากลัว เช่น ยักษ์ไซคลอปส์ที่มีตาข้างเดียวกลางใบหน้า และอสุรกายน่าเกลียดต่างๆ ทำให้เทพยูเรนัสพิโรธโยนบุตรเหล่านั้นลงไปขังในคุกทาร์ทะรัสใต้พิภพ
เทพีไกอาแค้นเทพยูเรนัสมากจึงยุยงให้เหล่าเทพไททันก่อกบฏ ไม่มีเทพองค์ใดที่กล้าชิงบัลลังก์พระบิดายกเว้นเทพโครนัส และจากการช่วยเหลือจากเทพีไกอาทำให้เทพโครนัสชิงอำนาจได้สำเร็จ ทว่าเทพโครนัสไม่ได้ทำตามสัญญาที่จะปลดปล่อยอสูรผู้เป็นน้อง เทพีไกอาจึงสาปแช่งว่าบุตรที่จะเกิดมาของโครนัสจะชิงอำนาจไปเหมือนกับที่เคยทำไว้กับบิดา
เทพโครนัสตระหนักมากเพราะหลังจากนั้นไม่นาน เทพีรีอา พระชายาก็ตั้งครรภ์ เมื่อได้ข่าวการประสูติ เทพโครนัสจึงบุกเข้าไปในตำหนักพระชายาและจับทารกผู้เป็นสายเลือดของตนกลืนลงท้องไป และครรภ์ต่อๆมาของเทพีรีอาก็เช่นกัน ส่งผลให้เทพีรีอาเศร้าเสียใจอย่างมาก
โครนัสให้กำเนิดบุตรและธิดารวมหกองค์ คือ เฮสเทีย เฮดีส ดีมิเตอร์ โพไซดอน เฮรา ซูส ซึ่งพอกำเนิดมาได้ถูกโครนัสจับกลืนลงท้องไปแต่เนื่องด้วยซูสหนีออกมาได้ จึงรอให้ตัวเองโตแล้วกลับมาช่วยอีก 5 องค์ในภายหลัง เนื่องจาก เฮสเทีย เฮดีส ดีมิเตอร์ โพไซดอน และเฮรา เป็นเทพจึงไม่ตายตอนอยู่ในท้องของโครนัส

การโค่นอำนาจไททันโครนอส

ความคับแค้นใจทำให้เทพีรีอาตัดสินใจเก็บบุตรคนสุดท้องเอาไว้ โดยแสร้งส่งก้อนหินห่อผ้าให้เทพโครนัสไป ทารกซูสถูกเลี้ยงดูอย่างดีโดยเทพีไกอาผู้เป็นย่าได้นำทารกซูสไปซ่อนไว้ในหุบเขาดิกเทอ ในเกาะครีต ซูสกินอาหารคือน้ำผึ้งและน้ำนมจากนิมฟ์ครึ่งแพะที่ชื่อว่า อะมาลไธอา ซึ่งในภายหลังซูสได้ได้สร้างนางให้เป็นกลุ่มดาวแพะ หรือกลุ่มดาวมกรในจักรราศีและมีครึ่งเทพครึ่งแพะแห่งป่าที่เล่นฟลุทอยู่ตลอดเวลาชื่อแพนเป็นผู้ให้การศึกษา เมื่อซูสเติบใหญ่แข็งแรงจึงหวนกลับไปแก้แค้นโครนอสผู้เป็นเทพบิดาตามคำร้องขอของเทพีมารดา
รีอาได้หลอกให้โครนอสกินยาที่จะทำให้สำรอกบุตรที่เคยกลืนออกมา ด้วยความเป็นเทพเจ้าทำให้เหล่าเทพที่ถูกกลืนลงไปไม่ตายซ้ำยังเติบโตขึ้น เรียงลำดับได้ดังนี้
1.เทพีเฮสเตีย เทพีแห่งไฟและเทพีผู้คุ้มครองครอบครัว เป็นเทพีครองพรหมจรรย์
2.เทพี ดิมีเตอร์ เทพีแห่งพันธุ์พืช ธัญญาหารและการเพาะปลูก มีธิดากับเทพซูสหนึ่งองค์คือ เทพีเพอร์ซิโฟเน หรือ โพรเซอพิน่าผู้เป็นชายาของฮาเดส
3.เทพี ฮีรา เทพีแห่งการสมรส เป็นมเหสีของเทพซูส ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องหึงหวง มีโอรสและธิดากับเทพซูส 3 องค์คือ เฮฟเฟสตุส ฮีบีกับ อาเรส
4.เทพเฮดีส เจ้าแห่งโลกบาดาล ปกครองยมโลก มีเทพีเพอร์เซฟะนีเป็นมเหสี
5.เทพโพไซดอน เจ้าแห่งท้องทะเล ปกครองน่านน้ำเมดิเตอร์เรเนียนและน้ำที่ใช้ประโยชน์ได้ มีเทพีแอมฟิไทรท์ หรือ อัมฟิตรีติ เป็นมเหสี
เมื่อเทพทั้งห้าได้ออกมาจากท้องของโครนัสแล้วจึงร่วมกับซูสปราบโครนัสและส่งโครนัสไปขังไว้ที่ทาร์ทะรัส
ซูสได้รับตำแหน่งเทพผู้นำของเหล่าเทพ เนื่องจากการจับฉลากแบ่งหน้าที่ของทั้งสามพี่น้อง และได้พาเหล่าเทพทั้งหลายขึ้นไปอาศัยอยู่บนเทือกเขาโอลิมปัส
แม้ว่าเหล่าเทพทุกองค์จะยอมยกตำแหน่งผู้นำให้กับซูสในทีแรก แต่ในตอนหลังเหล่าเทพต่างๆก็ต่างพากันหาหนทางในการยึดอำนาจมาเป็นของตนเองอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฮราผู้เป็นชายาของซูส ได้พยายามที่จะรวบรวมเหล่าเทพเพื่อก่อการกบฏอยู่เสมอ แต่ในท้ายที่สุดซูสก็สามารถที่แก้ไขปัญหา และจับตัวนางมาลงโทษได้อยู่เสมอ

ชายาและบุตรของซูส

ชายาที่เป็นเทพ
ชายาบุตร/ธิดา
อาอิกซ์อาจิพาน
อานานกีมอยรี หรือ เฟต
ไดโอนีแอโฟรไดที
ไกอา1. โอริออน
2. มาเนส บิดาแห่งอาทีส
ดิมีเทอร์1. เพอร์เซฟะนี
ฮีรา1. อาเรส
อีออส1. เออร์ซา
เอริสไลมอส
ลีโต1. อพอลโล
ไมอาเฮอร์มีส
เมทิสอะธีนา
นีโมซีเน่มิวส์
ซีลีนี1. เออร์ซา
ธีมิส1. อัสทราเอีย
ชายาที่เป็นมนุษย์/นิมฟ์/และอื่นๆ
แอจิน่าแออาคัส
อัลค์เมนาเฮราคลีส
อันติโอพี1. อัมฟีออน
คาลิสโตอาร์คัส
คาร์มีไบรโตมาทิส
ดานาอีเพอร์ซิอุส
เอลาราทีทีอัส
อีเล็กตรา1. ดาร์ดานัส
ยูโรปา1. ไมนอส
ยูริโนมีคาริเทส หรือ เกรซ
ฮิมาเลีย1. โครนิออส
ไอโอดามีธีบี
ไอโอ1. เอพาฟุส
ลามิอา
ลาโอดาเมียซาร์เพดอน
ลีดา1. โพลีดิวซีส (พอลลักซ์)
แมราโลครุส
ไนโอบี1. อาร์กัส
โอลิมพิอัสพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 3 แห่งมาซิโดเนีย
โอเธรอิสเมไลเธอุส
โพลอูโตแทนทาลัส
พดากี1. บาลิอุส
เฟียรฮ์ราเฮลเลน
ซีมีลีไดโอไนซูส
ทาอีกีทีลาซีดาอีมอน
มารดาที่ไม่รู้จักลิทาอี
มารดาที่ไม่รู้จักทีเช่
มารดาที่ไม่รู้จักอาที

- Copyright © ตำนานเทพเจ้ากรีก โรมัน แห่งยอดเขาโอลิมปัส - Date A Live - Powered by Blogger - Designed by Johanes Djogan -